วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

มหาลัยของฉัน


จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะขยายการศึกษาในโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น คือ ไม่เฉพาะสำหรับผู้ที่จะเล่าเรียนเพื่อรับราชการเท่านั้น แต่จะรับผู้ซึ่งประสงค์จะศึกษาขั้นสูงให้เข้าเรียนได้ทั่วถึงกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ขึ้นเป็น “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติแห่งสมเด็จพระบรมชนกาธิราชให้เจริญก้าวหน้ากว้างขวางแผ่ไพศาลต่อไป โดยในช่วงแรกมีการจัดการศึกษาเป็น 4 คณะ ได้แก่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์


จุดเด่นของที่นี่

- เป็นมหาลัยแห่งแรกในประเทศไทย

- มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการมาช้านาน

- สีชมพู ซึ่งเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย บ่งบอกถึงความอ่อนโยน

- เป็นคู่แข่งกับธรรมศาสตร์ เนื่องจากงานบอลประเพณี

- เป็นกำลังสำคัญในการผลิตบุคลากรในอนาคตของประเทศชาติ

- ความฝันของเด็กนักเรียนหลายๆคนกำลังจะเข้ามหาลัย

- ในสายตาคนภายนอก ทั้งอาจารย์และนิสิต มหาวิทยาลัยนี้ ถือได้ว่าเป็นบุคลากรชั้น "หัวกระทิ" มิใช่มาจากผลงานด้านวิชาการที่โดดเด่นระดับโลกหรอก แต่มาจากคะแนนที่สูงลิบลิ่ว ติดเพดานบนของแทบจะ "ทุกคณะ" ส่งผลให้ ความเป็น "จุฬา" คือตัวแทนของ "คนฉลาด" หรือ พวกหัวดีในทุกสาขาสำหรับสายตาคนทั่วไป

- เด็กจากทั่วทุกสารทิศต่างกวดวิชากันเต็มอัตราศึกเพื่อเข้า จุฬา ที่เป็นตัวแทนแห่งความสูงส่งด้านวิชาการ

- เด็กที่จบจากจุฬา แล้วไปต่อ มหาวิทยาลัยดังๆที่ อเมริกานั้นเยอะมาก เมื่อเทียบกับที่อื่น

 

คณะแพทย์ศาสตร์

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

แหล่งผลิตบัณฑิตและแพทย์เฉพาะทาง มุ่งเน้นการเรียนการสอนที่บูรณาการกับการดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ เปิดสอนระดับปริญญาบัณฑิตและระดับบัณฑิตศึกษา ในสาขาวิชาซึ่งสังกัดภาควิชาต่าง ๆ อาทิ ภาควิชาชีวเคมี พยาธิวิทยา สรีรวิทยา วิสัญญีวิทยา จักษุวิทยา ศัลยศาสตร์ ฯลฯ  รวมทั้งเปิดสอนหลักสูตรนานาชาติ Clinical Sciences และ Medical Sciences ในระดับบัณฑิตศึกษาด้วย

ข้อดีของการเป็นแพทย์

1. เรียนหมอสนุกมากนะ
ได้รู้จักร่างกายมนุษย์ว่าทำงานอย่างไร
โรคต่างๆมีกลไกการเกิดโรคอย่างไร
พอขึ้นชั้นคลีนิก ก็ได้เรียนรู้กับคนไข้จริงๆ
ฝึกให้คิด มีเรื่องน่าค้นหามากมาย
เป็นประโยชน์กับเราเองและคนที่เรารัก
รู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรง
ไม่โดนโฆษณาชวนเชื่อต่างๆหลอกได้ด้วย


2. เวลาพ่อแม่เราป่วยไข้หรือไม่สบาย
เนื่องจากเราอยู่ในวงการอยู่แล้ว
รู้จักอาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้อง มากมาย
การเข้าถึงการรักษาของพ่อแม่เราก็จะดีและเร็วตามไปด้วย


3. การทำงานทุกวันของแพทย์
เหมือนเราได้ทำบุญทุกวัน มีกี่อาชีพที่ทำได้แบบนี้
แม้จะมีเรื่องบูลชิททั้งหลายแหล่ ทุกวันในเนื้องาน
แต่มันมักจะมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่เสมอ
คนไข้น่ารักๆ มีเยอะครับ
เรื่องราวดีๆหล่านี้ อาจจะหาไม่ได้จากอาชีพอื่น
การที่เราได้ช่วยชีวิตคน มันสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
รวยล้นฟ้ามีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้นะครับ ความสุขแบบนี้


4. สังคมไทยทุกวันนี้ มองแพทย์ไม่เหมือนสมัยก่อนก็จริง
กระนั้นก็ตาม แพทย์ก็ยังเป็นอาชีพที่ค่อนข้างมีเกียรติในสังคมไทยอยู่
อยากให้ระลึกไว้เสมอว่า เกียรติที่เรายังได้รับจากสังคมทุกวันนี้
มาจาก 'ความดี' ของแพทย์รุ่นพี่ๆที่เสียสละเพื่อคนไข้และสังคม
การที่เรามีคำนำหน้าว่า นายแพทย์ หรือ แพทย์หญิง
เวลาไปติดต่องาน หรือ ทำธุรกรรมอะไร ส่วนใหญ่เค้ามักจะให้เกียรติ


5. หมอเหนื่อยมาก แต่มันจะเหนื่อยมากๆแค่ช่วงเรียน ใช้ทุน และ เทรนนิ่ง
เมื่อจบเป็นแพทย์เฉพาะทางแล้ว เราเลือกได้ครับ ว่าจะเหนื่อยต่อ หรือ ผ่อนลงมา
และ อาชีพอื่นๆเค้าก็ไม่ใช่ไม่เหนื่อย ไม่ลำบาก นะครับ
อย่าง สถาปนิก วิศวกร พนักงานบริษัท ไม่มีสบายแน่นอน เพียงแต่
ปัญหาจากการทำงานของเค้า อาจจะมีรูปแบบแตกต่างออกไปเท่านั้น


6. พูดถึงทางเลือก หมอมีทางเลือกเยอะนะครับ
จบแพทย์ใช้ทุน 3 ปีแล้วสามารถ
- เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางสาขาที่เราชอบ
- อยู่รพช. ต่อไป เป็นผู้อำนวยการรพ. ถ้าชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ ผมว่าแฮปปี้มากนะครับ
- ออกมาทำ GP ในรพ.เอกชน แต่อนาคตข้างหน้า อาจจำเป็นต้องทำ FM บอร์ด เพิ่ม
- ออกมาทำคลีนิกผิวหนังในเมือง
- ออกไปทำธุรกิจอื่นๆ ลงทุน เล่นหุ้น
- เลือกสายบริหารก็ได้

การเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางไม่สามารถทำได้ทุกคน
เนื่องจากพื้นที่จำกัด ทุกวันนี้มีแพทย์จบปีละราวๆ 3000 คน
แพทยสภารับรองตำแหน่งเทรนนิ่งได้ราวๆ 1500 คน
ประมาณครึ่งนึงที่อาจจะไม่ได้เรียนต่อ
แต่ถ้าจบแพทย์เฉพาะทางแล้ว ก็มีทางเลือกอีกมากมาย
ขึ้นกับว่าตัวเราชอบแบบไหน
- เป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์
- ทำงานในรพศ หรือ รพท ถ้าไม่ชอบสอนหรือชอบทำวิจัยมากๆ
- ทำงานในรพ.เอกชน
- ลงทุน ทำธุรกิจ เล่นหุ้น
- สายบริหาร


7. ข้อนี้ไม่ควรเรียกว่าเป็นข้อดี
แต่เรียกว่าข้อเท็จจริงที่ควรรู้มากกว่า
หมอเป็นอาชีพที่มั่นคงครับ ไม่ตกงานแน่นอน ถ้าเราไม่เลือกที่ทำงาน
ส่วนเรื่องรายได้ผมคิดว่าน้องๆที่จะสอบเข้า สมควรได้รู้ครับ
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิด เพราะ หมอก็คน ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
ดูแลครอบครัวเหมือนอาชีพอื่นๆ
แพทย์รายได้ถือว่าค่อนข้างดีถ้าเทียบกับอาชีพอื่นโดย 'เฉลี่ย'
รายได้ต่อเดือน จะรวมค่าเวร ค่าอื่นๆ เช่น เบี้ยกันดาร
รูปแบบเงินเดือน ไม่ใช่เหมือนพนักงานบริษัททั่วๆไป
แพทย์ใช้ทุน 5 หมื่น - 1 แสน
แพทย์รพช. ที่เปิดคลีนิกด้วย มักจะเกิน 2 แสน
แพทย์ประจำบ้าน (ช่วงเรียนต่อเฉพาะทาง) 2 หมื่น + เวรเอกชนราวๆ 2-4 หมื่น = 4-5 หมื่น
แพทย์คลีนิกผิวหนัง 1-2 แสน
แพทย์ GP full time เอกชน 1-1.5 แสน
แพทย์เฉพาะทาง (อาจารย์รรพ.) รายได้จากรรพ. หลักหมื่น + part time เอกชน แล้วแต่ทำมากทำน้อย
แต่รวมๆแล้วก็ถึงแสนกว่าๆได้เหมือนกัน
แพทย์เฉพาะทาง (รพ. รัฐบาล) 5 หมื่น - 1 แสนกว่าๆ
แพทย์เฉพาะทาง (รพ. เอกชน) 2-5 แสน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น